เหนื่อยเพราะคิดมาก ไม่ใช่เพราะทำงานหนัก แต่เป็นความล้าที่เกิดจากการคิดล่วงหน้ามากเกินไปหรือช่วงจังหวะชีวิตเริ่มหนักขึ้นทีละน้อย จากการคิดถึงทิศทาง, การถามหาความถูกต้องและคำถามซ้ำๆ ในหัวว่า กำลังทำถูกอยู่ไหม? ความคิดเหล่านี้มักมาพร้อม ความพยายาม, ความรับผิดชอบและความตั้งใจดีต่อชีวิต จนเผลอมองข้ามสิ่งที่กำลังทำตรงหน้า bansurvival อยากบอกว่า ความล้าแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีปัญหาใหญ่และอาการแบบนี้ไม่ได้แปลว่าชีวิตพัง แค่ความคิดกำลังนำหน้าไปไกล ในขณะที่ร่างกายยังอยู่ที่เดิม
เหนื่อยเพราะคิดมาก กับความเหนื่อยทางความคิดที่ไม่มีวันลา
เหนื่อยเพราะคิดมาก เกิดขึ้นในรูปของความเหนื่อยทางความคิดกับคนที่ใส่ใจเส้นทางชีวิตมากพอ ทำให้ไม่อยากเดินมั่ว, ไม่อยากเสียเวลาและไม่อยากทำพลาดซ้ำอีกครั้ง ความล้าทางใจแบบนี้ ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ แต่มักเกิดจากความรับผิดชอบที่จริงจังเกินไป ทั้งอนาคตและความถูกต้อง จนลืมถามตัวเองว่าตอนนี้ไหวแค่ไหน?
เหนื่อยเพราะคิดมาก จากการเห็นมากเกินไป
ไม่ใช่ว่าตัดสินใจไม่เป็น แค่สายตาเริ่มมองเห็นทุกเส้นทางพร้อมกัน เลยต้องใช้เวลายืนดูนานกว่าคนอื่นนิดหนึ่ง
- เลือกช้า ไม่ใช่เพราะไม่เก่ง แต่เพราะรู้และเห็นผลลัพธ์ของแต่ละทางชัดเกินไป
- เริ่มคิดทุกครั้งก่อนลงมือว่า ถ้าทำแล้วไม่ใช่ทาง จะเสียเวลาอีกไหม? จนสุดท้ายก็ยังไม่ได้เริ่ม
- คิดถึงผลลัพธ์ปลายทางเร็วเกินไป จนลืมดูว่าก้าวต่อไปแค่ตรงหน้านี้พอไหวไหม?
เหนื่อยเพราะคิดมาก จากความจำของร่างกาย
บางครั้งความระมัดระวังมากไป ก็ไม่ได้มาจากความคิด แต่มาจากกล้ามเนื้อที่จำได้ว่าครั้งก่อน เคยเหนื่อยมากแค่ไหน? ร่างกายจดจำได้ เลยคิดเผื่อไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องเหนื่อยซ้ำแบบเดิมอีก
- ไม่กล้าทำแบบมั่วๆ เหมือนเมื่อก่อน เพราะเคยเหนื่อยกับรูปแบบเดิมๆ มามากแล้ว
- กลัวเสียเวลา ทั้งที่ลึกๆ คือกลัวเสียใจซ้ำ
- ทำสิ่งที่จำเป็นได้ แต่ไม่ค่อยมีแรงกับสิ่งที่อยากทำ
- ไม่ได้กลัวล้ม แต่กลัวต้องเริ่มอธิบายชีวิตตัวเองใหม่อีกครั้ง
เหนื่อยเพราะคิดมาก จากการยิ่งโตขึ้น ยิ่งวางแผนเก่งขึ้น
แต่บางที ไม่ใช่ไม่อยากไปต่อ แค่ไม่อยากเดินต่อแบบเกร็งทุกก้าวเหมือนเมื่อก่อน
- พอคิดรอบคอบขึ้น วางแผนละเอียดขึ้นทุกปี ความเบาในชีวิตก็ค่อยๆ น้อยลง
- ไม่ได้ไม่อยากเติบโต แค่ไม่อยากเหนื่อยแบบเดิมอีก
- ไม่อยากผิดซ้ำ จึงพยายามเลือกให้ถูกตั้งแต่แรกและนั่นทำให้เผลอใช้ความระวังแทนความกล้า ไปพร้อมกับการแบกความกดดันไว้ในทุกการตัดสินใจ
- คิดเผื่อทุกความเสี่ยง จนไม่มีพื้นที่เหลือให้กับความอยาก
เหนื่อยเพราะคิดมาก เพราะคิดถึงอนาคตมากเกินไป
ถ้าหากเคยเหนื่อยเพราะคิดมาก จากการคิดถึงอนาคตมากเกินไป ในจังหวะที่ความคิดเริ่มทำงานล่วงหน้า คิดกันไว้ก่อนเผื่อพลาด, คิดไกลเผื่อไม่รอดหรือคิดละเอียดเผื่อเลือกผิด นี่ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นอาการของความคิดที่ทำงานหนัก เหมือนมีระบบเตือนภัยขั้นสูงทั้งที่ยังไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ก็เตือนล่วงหน้าไปหมดแล้ว ผลคือ ปัจจุบันกลายเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอย รอให้พร้อมกว่านี้และรอให้ชัวร์กว่านี้ ทั้งที่ความจริงแล้วชีวิตไม่เคยบอกว่าจะรอความพร้อมแบบครบทุกข้อ
เหนื่อยเพราะคิดมาก ไม่ได้หมายความว่าทิศทางผิด
เหนื่อยเพราะคิดมาก ไม่ได้แปลว่ากำลังเดินผิดทาง หลายครั้งกลับเป็นสัญญาณของความใส่ใจต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ใส่ใจมากพอจนไม่อยากเลือกอะไรแบบส่งๆ ความรู้สึกจริงๆ จึงมักซ่อนตัวเก่ง ทุกอย่างยังดูเหมือนยิ้มได้, ยังทำหน้าที่ได้และยังดูเหมือนไหว ทั้งที่ความล้าค่อยๆ เกิดขึ้น จากการคิดมากโดยไม่รู้ตัว บางวันอาจไม่ได้ต้องการคำตอบใหญ่ แค่รู้ว่าก้าวถัดไปอยู่ตรงไหน โดยไม่จำเป็นต้องเห็นทั้งเส้นทางและบางที สิ่งที่ต้องการอาจไม่ใช่คำตอบใหม่ แค่ยอมรับว่าการคิดเยอะไม่ใช่ความผิดและอาจถึงเวลาพักความคิดลงสักครู่หนึ่ง
สรุปโดย bansurvival
ถ้าหากอาการเหนื่อยเพราะคิดมาก กำลังเรียกร้องให้หยุดคิด ให้วางความคิดบางส่วนลงชั่วคราวเพื่อกลับมาปัจจุบัน แค่รับรู้ว่า ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่และสิ่งนั้นยังโอเคไหม? ไม่ต้องแก้อนาคตทั้งชีวิต แค่ไม่เอาอนาคตทั้งหมดมาตัดสินภายในวันเดียว แล้วทำไมการคิดถึงอนาคตถึงเหนื่อย? ความเหนื่อยทางใจเกิดจากอะไร? คิดมากเกินไปส่งผลกับชีวิตอย่างไร? bansurvival อยากบอกว่าคำถามเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบในวันนี้ บางคำถามแค่ต้องการพื้นที่ว่าง สำหรับวางเรื่องเหล่านี้ไว้ โดยไม่ได้ต้องการคำอธิบาย การปล่อยให้ทุกคำถามยังคงค้างอยู่ข้างในไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นพื้นที่พักชั่วคราวของการตัดสินใจที่ไม่ได้ต้องการให้ใครมาบอกว่าสู้ๆ แค่ยอมรับว่าช่วงนี้คิดเยอะไปหน่อย ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการกลับมาปัจจุบันแบบไม่ต้องจริงจังเกินไป




